วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

โครงสร้างภายในโลก

โครงสร้างภายในโลก:การศึกษาธรณีแปรสัณฐาน (Tectonics) มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างภายในโลก ตัวอย่างที่ใช้ได้ดีเกี่ยวกับโครงสร้างของโลกคือการเปรียบโลกของเราเหมือนกับผลไม้ที่มีเมล็ดขนาดใหญ่ เช่น ลูกท้อ หรือ ผลพลัม ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะรู้จักผลไม้เหล่านี้และรู้ดีว่าลักษณะตอนมันถูกผ่าครึ่งเป็นอย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นมาตราส่วนขนาดของแต่ละส่วนก็คล้ายกับโครงสร้างโลกด้วย
ถ้าเราผ่าครึ่งผลไม้เราจะเห็นส่วนประกอบภายใน 3 ส่วน คือ 1. เปลือกผิวบางๆ 2. เมล็ดที่อยู่แกนกลาง และ 3. เนื้อผลไม้เช่นกันเมื่อเราผ่าโลกออกครึ่งหนึ่ง เราก็จะเห็น 1.เปลือกโลกชั้นบางด้านนอกสุด 2.แกนโลกขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงแกนกลาง และ 3. ชั้นแมนเทิลที่ประกอบเป็นเนื้อโลก

( จาก http://geothai.net )

เปลือกโลก

เปลือกโลก
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไปที่:
ป้ายบอกทาง, ค้นหา



ภาพหน้าตัดของโลกทั้งหมด
เปลือกโลก (
อังกฤษ: Crust) เป็นชั้นนอกสุดของโครงสร้างโลก มีความหนาระหว่าง 6-35 กิโลเมตร แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ เปลือกโลกภาคพื้นทวีป (Continental Crust) มักมีความหนามาก มีความหนาแน่นต่ำ ประกอบด้วย โปแตสเซียม อะลูมิเนียม และซิลิเกต เป็นส่วนใหญ่ ทำให้มีชื่อเรียกว่า ชนิดไซอัล (SIAL) และเปลือกโลกภาคพื้นสมุทร (Oceanic Crust) มักจะมีความหนาน้อยกว่าเปลือกโลกภาคพื้นทวีป มีความหนาแน่นมากกว่า เนื่องจากประกอบด้วย แมกนีเซียม เหล็ก แคลเซียม และซิลิเกต เป็นส่วนใหญ่ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ชั้นไซมา (SIMA)

( จาก http://th.wikipedia.org )

เนื้อโลก

เนื้อโลก
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไปที่:
ป้ายบอกทาง, ค้นหา



ภาพหน้าตัดของโลกทั้งหมด
เนื้อโลก (
อังกฤษ: mantle) เป็นชั้นที่อยู่ระหว่างเปลือกโลกกับแก่นโลก มีความหนาประมาณ 2,885 กิโลเมตร มีส่วนประกอบของแมกนีเซียมและเหล็กเป็นส่วนใหญ่ แมนเทิลเกือบทั้งหมดเป็นของแข็ง ยกเว้นที่ความลึกประมาณ 70-260 กิโลเมตรหรือที่เรียกว่าฐานธรณีภาค (asthenosphere) ในชั้นนี้มีการหลอมละลายของหินเป็นบางส่วน
(จาก http://th.wikipedia.org )

การดูเเลตัวเอง

คุณจะต้องดูแลตัวเอง รักตัวเอง เอาอกเอาใจตนเองให้มากที่สุด เพื่อจะหลีกเลี่ยงสภาวะอารมณ์ที่เคร่งเครียด
การดูแลตัวเอง การรัก และการตามใจตัวเองนี้ไม่ได้หมายถึงการเอาแต่ใจตัวเอง แต่เป็นความหมายของการใส่ใจดูแลตนเองให้ดีที่สุดไม่ว่จะเป็นเรื่องอะไร ตั้งแต่การแต่งตัว การดูแลเส้นผม บำรุงผิวหน้าสำหรับคุณผู้หญิง อาจจะมีการแต่งหน้าแต่งตา แต้มเติมสีสันให้กับใบหน้า การแต่งตัวให้สวยและบอกรสนิยมของตัวเอง การใส่ใจกับบุคลิกภาพ เช่น ท่าเดิน ท่ายืน ท่านั่ง ให้ดูดีมีบุคลิก การรู้จักเป็นผู้พูดที่ดี ผู้ฟังที่ดี สิ่งต่างๆ เหล่านี้คือการใส่ใจดูแลตนเอง การปรับปรุงพัฒนาตนเองอยู่เสมอ จุดนี้ทำให้คุณรู้สึกมีความมั่นใจในตนเอง คนที่มีความมั่นใจในตนเองเป็นการสร้างพื้นฐานอันแข็งแกร่งให้ตัวคุณเองที่จะสามารถรับปัญหา สามารถเผชิญกับปัญหาทุกสิ่งทุกอย่างได้ซึ่งก็แน่นอนว่าคุณจัดการกับเรื่องต่างๆ ได้ก็ยากที่คุณจะเฟกิดความเครียดหรือสะสมเรื่องต่างๆ ที่รบกวนจิตใจได้
ก่อนเข้านอนหรือตื่นตอนเช้า คุณจะต้องใช้เวลาที่หน้ากระจกในห้องน้ำสักครู่หนึ่ง มองหน้าตอนยิ้มแย้มของตนเอง ตรวจดูใบหน้าทรงผมหรือท่าทีต่างๆ ทำเช่นนั้นทุกเช้าหรือทุกคืน คุณจะพบอยู่เสมอว่า บางวันคุณมีความพอใจแล้วกับภาพที่คุณเห็นในกระจก ในขณะที่บางวันคุณอาจจะรู้สึกว่าจะต้องปรับเรื่องนั้นหรือเรื่องนี้ที่ร่างกายของคุณ มีคนอีกมากมายที่ไม่ค่อยทำความรู้จักกับตัวเองในกระจก เมื่อไม่รู้จักตัวเองกับเรื่องพื้นฐานง่ายๆ แค่นี้เขาก็ย่อมไม่รู้จักตนเองว่า ควรจะคุยกับตัวเองอย่างไรเมื่อเกิดปัญหา เมื่อเผชิญปัญหา นี่เป็นจิตวิทยาง่ายๆ ของการบริหารสุขภาพจิตใจตนเอง อันเป็นพื้นฐานของการพิชิตความเครียดในระดับสูงๆ ต่อไป


( จาก www.thaigoodview.com )

ต้น้ยาง

ประวัติส่วนตัว


ชื่อที่ใช้ในการเข้าระบบ:
sanea02
อีเมล:
อีเมลติดต่อ


นามแฝง:
ต้นยาง


คำนำหน้า:
นาย
ชื่อจริง:
เสน่ห์
ชื่อกลาง:
อ้วน
นามสกุล:
บุญจันทร์


คำสำคัญ:
การสื่อสารไร้พรมแดน ต้นยาง นวส. มะนาว วิ่งเพื่อสุขภาพ องค์ความรู้ (km)


อาชีพ:
รับราชการ
ตำแหน่ง:
นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร
องค์กร/บริษัท:
สำนักงานเกษตรอำเภอโทะเล จังหวัดพิจิตร
ที่อยู่:
บ้านเลจที่ 208 หมู่ที่ 2 ตำบลโพทะเล
อำเภอ:
โพทะเล
จังหวัด:
พิจิตร
รหัสไปรษณีย์:
66130
ประเทศ:
ไทย


ประวัติย่อ:
ภูมิลำเนา อำเภอโพทะเลจังหวัดพิจิตร
ศึกษระดับ ปริญญาตรี เทคโนโลยีการเกษตร
อุดมการณ์ในการทำงาน ทำเรื่อย ๆ เหนื่อยก็หยุด
ความชอบ วิ่งเพื่อสุขภาพ และงานทดลองด้านการเกษตร
งานหลัก รับราชการ
งานรอง ผู้จัดการสวนยางพารา
งานอดิเรก ที่ปรึกษาธุรกิจสื่อสารมือถือ


( จากhttp://Gotoknow.org/profile.com )

ต้นมะขาม

ต้นมะขาม

ชื่อพื้นเมือง - ต้นมะขาม, ตะลบ, ม่องโคล้ง, มอกเล, หมากแกง, อำเปียล ชื่อวิทยาศาสตร์ - Tamarindus indica , Linn. ชื่อวงศ์ - Leguminosae (Caesalpiniaceae) ชื่อสามัญ - Tamarind, Sampa จัดอยู่ในพวก - พืชใบเลี้ยงคู่ การกระจายพันธุ์ - ทำได้โดยการเพาะเมล็ด มะขามชอบแดด ขึ้นได้ดีในดินแทบทุกชนิด การ


ขยายพันธุ์ - ทำได้โดยการนำต้นกล้ามาปลูก การทาบกิ่ง ติดตา ต่อกิ่ง

( www.geocities.com )

ต้นกล้วย

ข้อมูลทางพฤกษศาสตร์
ชื่อวิทยาศาสตร์
Musa sapientum L., Musa paradisiaca L. var sapientum (L.) O. Kutnze
ชื่อวงศ์
Musaceae
ชื่ออังกฤษ
Banana, Cultivated banana
ชื่อท้องถิ่น
กล้วยกะลิอ่อง กล้วยมะนิอ่อง กล้วยไข่ กล้วยใต้ กล้วยนาก กล้วยน้ำว้า กล้วยเล็บมือ กล้วยส้ม กล้วยหอม กล้วยหอมจันทน์ กล้วยหักมุก เจก มะลิอ่อง ยาไข่ สะกุย

( จาก www.medplant.mahidol.ac.th )

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ฝน

ฝน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไปที่:
ป้ายบอกทาง, ค้นหา



ฝนกำลังตกลงมา
ฝน (rain) เป็นรูปแบบหนึ่งของ
การตกลงมาจากฟ้าของน้ำ นอกจากฝนแล้วยังมีการตกลงมาในรูป หิมะ เกล็ดน้ำแข็ง ลูกเห็บ น้ำค้าง. ฝนนั้นอยู่ในรูปหยดน้ำซึ่งตกลงมายังพื้นผิวโลกจากเมฆ. ฝนบางส่วนนั้นระเหยกลายเป็นไอก่อนตกลงมาถึงผิวโลก ฝนชนิดนี้เรียกว่า "virga"
ฝนที่ตกลงมานั้นเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของ
วัฏจักรของอุทกวิทยา ซึ่งน้ำจากผิวน้ำในมหาสมุทรระเหยกลายเป็นไอ ควบแน่นเป็นละอองน้ำในอากาศ ซึ่งรวมตัวกันเป็นเมฆ และในที่สุดตกลงมาเป็นฝน ไหลลงสู่แม่น้ำ ลำคลอง ไปสู่ทะเล มหาสมุทร และวนเวียนเช่นนี้เป็นวัฏจักรไม่สิ้นสุด
ปริมาณน้ำฝนนั้นวัดโดยใช้
มาตรวัดน้ำฝน โดยเป็นการวัดความลึกของน้ำที่ตกลงมาสะสมบนพื้นผิวเรียบ สามารถวัดได้ละเอียดถึง 0.25 มิลลิเมตร หรือ 0.01 นิ้ว บางครั้งใช้หน่วย ลิตรต่อตารางเมตร (1 L/m² = 1 mm)
หยาดน้ำฝนนั้น ในการ์ตูนมักจะถูกวาดเป็นรูปหยาดน้ำตา คือ ก้นกลมและปลายบนแหลม ซึ่งไม่ถูกต้องในความเป็นจริง หยาดฝนเม็ดเล็กนั้นจะมีรูปเกือบเป็นทรงกลม ส่วนเม็ดฝนที่ใหญ่ขึ้นก็จะมีรูปร่างที่ค่อนข้างแบนคล้ายขนมปังแฮมเบอเกอร์ ส่วนเม็ดที่ใหญ่มากๆนั้นจะมีรูปร่างคล้ายร่มชูชีพ โดยเฉลี่ยแล้วเม็ดฝนนั้นจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 ถึง 2 มิลลิเมตร เม็ดฝนที่ใหญ่ที่สุดที่ตกลงถึงผิวโลกนั้น ตกที่
ประเทศบราซิล และ เกาะมาร์แชล ในปี ค.ศ. 2004 โดยมีขนาดใหญ่ถึง 10 มิลลิเมตร ขนาดใหญ่ของเม็ดฝนนี้เนื่องมาจากละอองน้ำในอากาศที่มีขนาดใหญ่ หรือ จากการรวมตัวกันของเม็ดฝนหลายเม็ด เนื่องมาจากความหนาแน่นฝนที่ตกลงมา
โดยปกติแล้ว ฝนจะมีค่า
pH ต่ำกว่า 6 เล็กน้อย เนื่องมาจากการรับเอาคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศเข้ามาซึ่งทำให้ส่งผลเป็นกรดคาร์บอนิก ในพื้นที่ที่เป็นทะเลทรายนั้นฝุ่นในอากาศจะมีปริมาณแคลเซียมคาร์บอเนตสูง ซึ่งส่งผลต่อต้านความเป็นกรด ทำให้ฝนนั้นมีค่าเป็นกลาง หรือ แม้กระทั่งเป็นเบส ฝนที่มีค่า pH ต่ำกว่า 5.6 นั้นถึอว่าเป็น ฝนกรด (acid rain)
ดึงข้อมูล


จาก "http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9D%E0%B8%99".

ชั้นบรรยากาศส่วนบน

บรรยากาศส่วนบน

มีคุณสมบัติ ตรงข้ามกับบรรยากาศส่วนล่าง คือ แทนที่อุณหภูมิจะต่ำลงแต่กลับสูงขึ้นและยิ่งสูงยิ่งร้อน มาก บรรยากาศส่วนนี้จำแนกเป็น 3 ชั้นเช่นกัน คือ

1. เทอร์โมสเฟียร์ (Thermosphere) สูง 80 - 450 กิโลเมตร ความหนาแน่นของอากาศจะลดลงอย่างรวดเร็วแต่อุณหภูมิจะสูงขึ้นมาก ซึ่งอาจสูงกว่า 1,000 องศาเซลเซียส สามารถส่งวิทยุคลื่นยาวกว่า 17 เมตรไปได้ทั่วโลก โดยส่งสัญญาณจากพื้นโลกให้คลื่นสะท้อนกับชั้นไอออนของก๊าซไนโตรเจนและออกซิเจน ซึ่งถูกรังสีเหนือม่วงและรังสีเอกซ์ทำให้แตกตัว

2. เอกโซสเฟียร์ (Exsphere) บรรยากาศชั้นนี้สูงจากพื้นโลกประมาณ 450 - 900 กิโลเมตร มีก๊าซอยู่น้อยมาก มนุษย์อวกาศจะต้องควบคุมบรรยากาศให้มีความดันเท่ากับความดันภายในร่างกาย ต้องสวมใส่ชุดที่มีก๊าซออกซิเจนเพื่อช่วยในการหายใจ ดาวเทียมพยากรณ์อากาศจะโคจรรอบโลกในชั้นนี้

3. แมกเนโตสเฟียร์ (Magnetosphere) ชั้นนี้มีความสูงมากกว่า 900 กิโลเมตร ไม่มีก๊าซใดๆ อยู่เลย

( จาก http://blog.eduzones.com )

ชั้นบรรยากาศส่วนล่าง

ชั้นบรรยากาศส่วนล่าง
1. ชั้นบรรยากาศส่วนล่าง เป็นส่วนที่อยู่ใกล้ผิวโลก อุณหภูมิจะลดลงตามระดับความสูงทุกระยะที่สูงขึ้น 100 เมตร อุณหภูมิจะลดลง 0.64 องศาเซลเซียสจนกว่าจะถึงบรรยากาศส่วนบน

1. โทรโพสเฟียร์ (Troposphere) คือ บรรยากาศชั้นล่างสุดสูงจากผิวโลก 8 - 15 กิโลเมตร มีอิทธิพลต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมากที่สุด อากาศที่มนุษย์หายใจเข้าไปคืออากาศชั้นนี้ เมฆ พายุ ลม และลักษณะอากาศต่าง ๆ เกิดขึ้นในบรรยากาศชั้นนี้ อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งและรวดเร็วกว่าบรรยากาศชั้นอื่น ๆ

2. สตราโตสเฟียร์ (Stratosphere) ความสูง 15 - 50 กิโลเมตร บรรยากาศชั้นนี้มีก๊าซโอโซนเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย และก๊าซโอโซนนี้เอง ที่ทำหน้าที่ดูดซับรังสีอุลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นรังสีอันตรายต่อผิวหนังของมนุษย์และพืช ไม่ให้ส่องลงมากระทบถึงพื้นโลก ก๊าซชนิดนี้เกิดจากการที่โมเลกุลของก๊าซออกซิเจนแตกตัว และจัดรูปแบบขึ้นใหม่เมื่อถูกรังสีจากดวงอาทิตย์ช่วยดูดซับรังสีเหนือม่วง ของแสงอาทิตย์ทำให้บรรยากาศอุ่นขึ้น เครื่องบินไอพ่นจะบินในชั้นนี้เนื่องจากมีทัศนวิสัยดี

3. มีโซสเฟียร์ (Mesosphere) สูงจากพื้นดิน 50 - 80 กิโลเมตรเหนือชั้นโอโซน อุณหภูมิจะลดลงตามความสูงที่เพิ่มขึ้นโดยอาจต่ำได้ถึง 83 องศาเซลเซียส อุกกาบาตหรือชิ้นส่วนหินจากอวกาศที่ตกลงมามักถูกเผาไหม้ในชั้นนี้ การส่งคลื่น

( จาก http://blog.eduzones.com )

ชั้นบรรยากาศ

ชั้นบรรยากาศคืออะไร

ชั้นบรรยากาศคือ ชั้นของอากาศที่ล้อมรอบโลกและด้วยแรงดึงดูดของโลกทำให้ชั้นบรรยากาศคงสภาพอยู่ได้ ชั้นบรรยากาศมีความหนารวมแล้วประมาณ 310 ไมล์ อากาศในชั้น บรรยากาศแต่ละชั้นจะแตกต่างกัน แต่ในทุก ๆ ชั้นล้วนเป็นส่วนสำคัญของสิ่งแวดล้อมของโลก

การแบ่งชั้นบรรยากาศ สามารถแบ่งออกได้ 4 แบบ ดังต่อไปนี้

1. แบ่งชั้นบรรยากาศตามลักษณะและระดับความสูง
2. แบ่งชั้นบรรยากาศโดยใช้อุณหภูมิเป็นเกณฑ์
3.แบ่งชั้fนบรรยากาศโดยใช้ก๊าซเป็นเกณฑ์
4. แบ่งชั้นบรรยากาศทางอุตุนิยมวิทยา

( จาก http://blog.eduzones.com )

วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

หิน

หิน

คือ มวลของแข็งที่ประกอบไปด้วยแร่ชนิดเดียวกัน หรือหลายชนิดรวมตัวกันอยู่ตามธรรมชาติ เนื่องจากองค์ประกอบของเปลือกโลกส่วนใหญ่เป็นสารประกอบซิลิกอนไดออกไซด์ (SiO2) ดังนั้นเปลือกโลกส่วนใหญ่มักเป็นแร่ตระกูล ซิลิเกต นอกจากนั้นยังมีแร่ตระกูลคาร์บอเนต เนื่องจากบรรยากาศโลกในอดีตส่วนใหญ่เป็นคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำฝนได้ละลายคาร์บอนไดออกไซด์บนบรรยากาศลงมาสะสมบนพื้นดินและมหาสมุทร สิ่งมีชีวิตอาศัยคาร์บอนสร้างธาตุอาหารและร่างกาย แพลงตอนบางชนิดอาศัยซิลิกาสร้างเปลือก เมื่อตายลงทับถมกันเป็นตะกอน หินส่วนใหญ่บนเปลือกโลกจึงประกอบด้วยแร่ต่างๆ

( จาก http://th.wikipedia.org )

ดินร่วน


ดินร่วน

- ดินอุ้มน้ำได้ดี น้ำในดินจะเป็นประโยชน์ต่อพืชได้มากกว่าดินชนิดอื่น ธาตุอาหารจะถูกดูดซับไว้ที่ผิวดินบางส่วน ทำให้เกิดการสูญเสียได้ยากขึ้น พืชสามารถดูดธาตุอาหารและน้ำเข้าไปได้ง่าย การซึมซาบน้ำดี อากาศมีการถ่ายเทได้ดี ดินมีธาตุอาหารระดับปานกลาง จัดว่าเป็นดินที่เหมาะต่อการเพาะปลูกพืช

( จาก www.agriman.doae.go.th )

ดินเหนียว

ดินเหนียว
( จาก ... สิริพรรณ นิลไพรัช )


ในบรรดาวัตถุดิบทั้งหลายที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์เซรามิก โดยเฉพาะหัตถกรรพื้นบ้าน อาทิ หม้อ ไห กระถาง อิฐ นั้น ดินเหนียวเป็นวัตถุดิบที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง
ดินเหนียว เป็นดินที่เกิดจากตะกอนที่พัดพามาทับถมกัน ธรรมชาติของดินเหนียว จะประกอบด้วยแร่เคโอลิไนต์ (kaolinite) เป็นส่วนใหญ่ โดยแร่เคโอลิไนต์ที่พบในดินเหนียว มักมีผลึกที่ไม่สมบูรณ์และมีขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังพบแร่ดินชนิดอื่นๆ อาทิ มอนมอริลโลไนต์ (monmorillonite) อิลไลต์ (illite) ควอร์ทซ์ (quartz) แร่ไมกา (mica) แร่เหล็กออกไซด์ (iron oxide) รวมทั้งมักมีสารอินทรีย์ปะปนอยู่เสมอ ดินเหนียวมีสีต่างๆ เกิดจากการมีแร่ธาตุชนิดต่างๆ ในปริมาณที่แตกต่างกัน อาทิ สีดำ เทา ครีม และน้ำตาล ดินเหนียวที่มีสีเทาหรือดำนั้น จะมีอินทรีย์วัตถุปนมาก ส่วนดินเหนียวสีครีมหรือน้ำตาล มาจากแร่เหล็กที่ปะปนอยู่
ดินเหนียวมีสมบัติเด่นในการนำมาขึ้นรูปคือ มีความเหนียว และเมื่อแห้งมีความแข็งแรงสูง ทำให้ผลิตภัณฑ์หลังแห้งมีความแข็งแรง แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อแห้ง ดินเหนียวมักมีการหดตัวสูง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผลิตภัณฑ์มีการแตกร้าว ดังนั้นจึงไม่นิยมใช้เนื้อดินเหนียวล้วนๆ ในการขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ แต่ต้องมีการผสมวัสดุที่ไม่มีความเหนียว อาทิ ดินเชื้อ หรือทราย เพื่อลดการดึงตัวและหดตัว ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการแตกร้าว เนื่องจากการหดตัวของดินได้ ดินเหนียวหลายชนิด มีช่วงอุณหภูมิที่จะเปลี่ยนไปเป็นเนื้อแก้วกว้าง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ คือ ช่วยปรับปรุงเนื้อผลิตภัณฑ์หลังการเผาให้ดีขึ้น ในการใช้ประโยชน์จากดินเหนียวนั้น นอกจากใช้เป็นเนื้อดินปั้นสำหรับหัตถกรรมพื้นบ้านแล้ว ยังนิยมนำมาใช้ผสมกับดินขาว เพื่อเพิ่มความเหนียว หรือช่วยให้น้ำดินมีการไหลตัวดีขึ้น
ในปัจจุบันประเทศไทยมีแหล่งดินเหนียวอยู่หลายแหล่ง ที่ได้นำมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมเซรามิก อาทิ ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปราจีนบุรี ลำปาง เชียงใหม่ นอกเหนือจากนี้ ดินเหนียวที่มีอยู่ในแหล่งพื้นบ้านทั่วไป อย่างไรก็ตาม แม้ว่าดินเหนียวจะมีอยู่ในหลายพื้นที่ก็ตาม การนำดินเหนียวจากแหล่งต่างๆ มาใช้ก็ควรใช้อย่างมีคุณค่า และใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะเมื่อดินเหนียวหมดไปแล้วก็จะต้องใช้เวลานานเป็นร้อยล้านปี กว่าที่จะมีการทับถมเพื่อให้เกิดทดแทนใหม่ได้



ดินทราย


เป็นดินเนื้อทรายเป็นกลุ่มชุดดินที่ไม่อุ้มน้ำ ง่ายต่อการกัดกร่อน ความในการจับหรือแลกเปลี่ยนประจุธาตุอาหารต่ำ ความอุดมสมบูรณ์ต่ำมาก ขาดสารปรับปรุงบำรุงดิน จากผลการสำรวจของกรมพัฒนาที่ดิน พบว่ามีดินทรายทั่วประเทศประมาณ 6 ล้านไร่ กระจัดกระจายอยู่ในจังหวัดต่าง ๆ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 3 ล้านไร่ และภาคอื่น ๆ ของประเทศ ซึ่งจะต้องมีการจัดการเป็นกรณีพิเศษกว่าดินทั่วไป จึงจะสารมารถใช้ประโยชน์ในการเพาะปลูกได้
( จาก www.swu.ac.th.com)

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551


ระบบนิเวศคืออะไร


ระบบนิเวศ(Ecosystem)อาจใช้เรียกหน่วยของกลุ่มสิ่งมีชีวิตและปัจจัยแวดล้อม ในพื้นที่กว้างๆแบบใดแบบหนึ่งโดยเน้นที่ความผูกพันกันของสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม


โครงสร้างของระบบนิเวศ

.ส่วนที่เป็นส่วนที่มีชีวิต ได้แก่ พืช สัตว์ต่างๆ ไปจนถึง สัตว์ที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้
2.ส่วนที่ไม่มีชีวิต ได้แก่ พลังงาน สสาร สภาพพื้นที่ และสภาพสิ่งแวดล้อม ซึ่งพลังงานในระบบนิเวศมี
หลายรูปแบบด้วยกัน เช่น พลังงานความร้อน ที่สร้าง สภาพแวดล้อมให้ เหมาะสมและ ก่อปรากฏการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้อง กับสภาพภูมิอากาศ อันได้แก่ พลังงานแสง พลังงานไฟฟ้า พลังงานปรมาณู เป็นต้น
( จาก www4.msu.ac.th )

ความหมายสิ่งเเวดล้อม

ความหมายสิ่งแวดล้อม
รูปธรรม (สามารถจับต้องและมองเห็นได้) และนามธรรม (ตัวอย่างเช่นวัฒนธรรมแบบแผน ประเพณี ความเชื่อ) มีอิทธิพลเกี่ยวโยงถึงกัน เป็นปัจจัยในการเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ผลกระทบจากปัจจัยหนึ่งจะมีส่วนเสริมสร้างหรือทำลายอีกส่วนหนึ่ง อย่างหลีกเลี่ยงมิได้ สิ่งแวดล้อมเป็นวงจรและ วัฏจักรสิ่งแวดล้อม คือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวมนุษย์ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต รวมทั้งที่เป็นจักรที่เกี่ยวข้องกันไปทั้งระบบ
(จาก www.school.net.th/ )

กลอน ป่าไม้

ชื่อกลอน : ป่าไม้

ป่าไม้ที่สวยงามไห้ร่มเงา ทำไห้เราได้ประโยชน์มหาศาล อยากห้อยู่กับเรากาลนาน จงอย่าผลาญต้นไม้ไปไช้เลย

( จาก www. st .ac. th /com )

กล้วยไม้ป่า

เอื้องพญาไร้ใบ Chiloschista parishii

ลักษณะต้น

ลำต้นและใบลดรูปลงเป็นเกล็ดเล็กๆ มีแต่รากสีเขียวอมเทาเจริญได้ดี แผ่ขยายไปตามกิ่งไม้ที่ยึดเกาะ ทำหน้าที่สังเคราะห์แสงแทนใบ

ลักษณะดอก

ช่อดอกค่อนข้างโปร่ง ยาว 10-25 ซม. ขนาดดอกประมาณ 1-1.5 ซม. ฤดูออกดอก มีนาคม - พฤษภาคมแหล่งที่พบป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และภาคใต้

( จาก www.benorchid.com )

วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

โรคเบาหวาน

หมายถึง ภาวะที่ร่างกายไม่สามารถสร้างหรือใช้อินซูลินได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย โดยปกติอินซูลินมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการสร้างพลังงานของร่างกาย สาเหตุที่แท้จริงของโรคเบาหวานยังไม่แน่ชัด อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้เกิดโรคนี้คือ พันธุกรรม และแบบแผนการดำเนินชีวิต ผู้ที่เป็นโรคนี้อาจเสี่ยงต่อการเกิด โรคไต โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ตาบอด หรือมีการทำลายของเส้นประสาท

อาการ

ปัสสาวะจะบ่อยมากขึ้นถ้าระดับน้ำตาลในกระแสเลือดมากกว่า180มก.% โดยเฉพาะในเวลากลางคืนผู้ป่วยจะหิวน้ำบ่อยเนื่องจากต้องทดแทนน้ำที่ถูกขับออกทางปัสสาวะอ่อนเพลีย น้ำหนักลดเกิดเนื่องจากร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลจึงย่อยสลายส่วนที่เป็นโปรตีนและไขมันออกมาผู้ป่วยจะกินเก่งหิวเก่งแต่น้ำหนักจะลดลงอาการอื่นๆที่อาจเกิดได้แก่ การติดเชื้อ แผลหายช้า คันเห็นภาพไม่ชัดชาไม่มีความรู้สึก เจ็บตามแขนขาอาเจียน

( จาก www.pantown.com )

ต้นลั่นทม


ชื่อสามัญ : Evergreen Frangipani, Graveyard Flower Pagoda Tree, Temple Tree


ชื่อวิทยาศาสตร์ : Plumeria obtusa Linn.


ชื่อวงศ์ : APOCYNACEAE


ขยายพันธุ์ : เมล็ด ปักชำกิ่ง


ประโยชน์ : เปลือกรากและเปลือกต้น ใช้เป็นยาถ่าย ยาง ใช้ทาแก้โรคงูสวัด และแก้หิด ทุกส่วนมีสารจำพวก iridoid เช่น plumieride


ลักษณะ : ไม้พุ่ม สูง ๓-๖ เมตร แตกกิ่งก้านสาขาเป็นพุ่มกว้าง ทุกส่วนมียางสีขาว ใบ ใบเดี่ยว ออกเวียนสลับถี่ บริเวณปลายกิ่งรูปใบพายแกมขอบขนาน กว้าง ๕-๘ เซนติเมตร ยาว ๒๐-๓๒เซนติเมตร ปลายและโคนมน ด้านบนสีเขียวเข้ม เป็นมัน ด้านล่างมีขน ดอก สีขาว กลางดอกสีเหลือง กลิ่นหอม ออกเป็นช่อตามซอกใบบริเวณปลายกิ่ง กลีบดอกโคนเชื่อมกันเป็นหลอด ภายในมีขน ปลายแยกเป็น ๕ กลีบ ซ้อนเหลื่อมกัน กลีบรูปไข่กลับ ปลายมน งอลงเง็กน้อยเมื่อบานเส้นผ่าศูนย์กลาง ๘-๑๐ เซนติเมตร เกสรตัวผู้ ๕ อัน ก้านเกสรสั้นมาก ผล เป็นฝักคู่รูปยาวรี กว้างประมาณ ๑.๕ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑๕ เซนติเมตร เมื่อแก่แตกเป็น ๒ ซีก เมล็ด จำนวนมาก แบน มีปีก
( จาก www.cablephet.com )

สาเหตุ


เกิดจากความผิดปกติทางกรรมพันธุ์


อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการซีดเหลืองและตับม้ามโตมาตั้งแต่เด็ก ร่างกายเติบโตช้า ตัวเตี้ย และน้ำหนักน้อยไม่สมอายุ ในรายที่เป็นทาลัสซีเมียชนิดอ่อนที่เรียกว่า โรคฮีโมโกลบินเอช (Hemoglobin H disease) ตามปกติจะไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างไร แต่จะมีอาการซีดเหลืองเป็นครั้งคราวขณะที่เป็นหวัด เจ็บคอ หรือเป็นโรคติดเชื้ออื่น ๆ แบบเดียวกับโรคโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก
( จาก www.thailabonline.com )

โรคตาเเดง


ตาแดง

โรคตาแดงเป็นโรคตาที่พบได้บ่อย เป็นการอักเสบของเยื่อบุตา(conjuntiva)ที่คลุมหนังตาบนและล่างรวมเยื่อบุตาที่คลุมตาขาว โรคตาแดงอาจจะเป็นแบบเฉียบพลัน หรือแบบเรื้อรัง สาเหตุอาจจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีบ ไวรัส Chlamydia trachomatis ภูมิแพ้ หรือสัมผัสสารที่เป็นพิษต่อตา สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส มักจะติดต่อทางมือ ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวโดยมากใช้เวลาหาย 2 สัปดาห์ ตาแดงจากโรคภูมิแพ้มักจะเป็นตาแดงเรื้อรัง มีการอักเสบของหนังตา ตาแห้ง การใช้contact lens หรือน้ำยาล้างตาก็เป็นสาเหตุของตาแดงเรื้อรัง
( จาก www.siamhealth.net )


วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ตำนานดอกกุหลาบ

ตำนานดอกกุหลาบ

กุหลาบเป็นดอกไม้ที่นิยมปลูกไว้ชื่นชมมาแต่โบราณ ประมาณกันว่ากุหลาบเกิดขึ้นเมื่อกว่า 70 ล้านปีมาแล้ว เคยมีการค้นพบฟอสซิลของกุหลาบใน รัฐโคโลราโด และ รัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้พิสูจน์ว่ากุหลาบป่าเป็นพืชที่มีอายุถึง 40 ล้านปี แต่กุหลาบป่าสมัยโลกล้านปีนี้ มีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกุหลาบสมัยนี้ เนื่องจากมนุษย์ได้นำเอากุหลาบป่ามาปลูกและผสมพันธุ์ ขยายพันธุ์เป็นพันธุ์ต่างๆ มากมาย ความจริงแล้วกำเนิดของกุหลาบหรือกุหลาบป่านี้มีเฉพาะในแถบบริเวณเหนือเส้นศูนย์สูตรของโลกเท่านั้น คือกำเนิดในภาคกลางของทวีปเอเชีย แล้วแพร่ขยายพันธุ์ไปตลอดซีกโลกเหนือ ไม่ว่าจะเป็นแถบที่มีอากาศหนาวจัดอย่าง อาร์กติก อลาสก้า ไซบีเรีย หรือแถบอากาศร้อนอย่าง อินเดีย แอฟริกาเหนือ แต่ในบริเวณแถบใต้เส้นศูนย์สูตรอย่างทวีปออสเตรเลีย หรือเกาะต่างๆ ในมหาสมุทรรวมทั้งแอฟริกาใต้ ไม่เคยมีปรากฏว่ามีกุหลาบป่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเลย ตามประวัติศาสตร์เล่าว่า กุหลาบป่าถูกนำมาปลูกไว้ในพระราชวังของจักรพรรด์จีน ในสมัยราชวงศ์ฮั่นราว 5,000 ปีมาแล้ว ขณะที่อียิปต์เองก็ปลูกกุหลาบเป็นไม้ดอก ส่งไปขายให้แก่ชาวโรมัน ชาวโรมันเป็นชาติที่รักดอกกุหลาบมากถึงจะสั่งซื้อจากประเทศอียิปต์แล้ว ยังลงทุนสร้างเนอร์สเซอรี่ขนาดใหญ่สำหรับปลูกดอกกุหลาบอีกด้วย สำหรับชาวโรมันแล้วเรียกได้ว่าดอกกุหลาบมีความสำคัญกับชีวิตประจำวัน เพราะชาวโรมันถือว่าดอกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์ของความรัก ซึ่งเป็นทั้งของขวัญ เป็นดอกไม้สำหรับทำเป็นมาลัยต้อนรับแขก เป็นดอกไม้สำหรับงานเฉลิมฉลองต่างๆ ใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับทำขนม ทำไวน์ ส่วนน้ำมันกุหลาบยังใช้ทำเป็นยาได้อีกด้วย กุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความโรแมนติก ซึ่งมีบางตำนานเล่าว่า ดอกกุหลาบเป็นเสมือนเครื่องหมายแทนการกำเนิดของ เทพธิดาวีนัส ซึ่งเป็นเทพแห่งความงาม และความรัก วีนัสเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อโฟรไดท์ ในตำนานเทพของกรีกได้กล่าวไว้ว่า น้ำตาของเธอหยดลงปะปนกับเลือดของ อคอนิส คนรักของเธอที่ถูกหมูป่าฆ่า เลือดและน้ำตาหยดลงสู่พื้นแล้วกลายเป็นดอกไม้สีแดงเข้มหรือดอกกุหลาบนั่นเอง แต่บางตำนานก็เล่าว่าดอกกุหลาบเกิดจากเลือดของ อโฟรไดท์ เองที่หยดลงสู่พื้น เมื่อเธอแทงตัวเองด้วยหนามแหลม

( จาก www.panmai.com )

วันว่าเลนไทน์

ประวัติ
วันวาเลนไทน์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ในกรุงโรมสมัยก่อนนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันเฉลิมฉลองของจูโน่ซึ่งเป็นราชินีแห่งเหล่าเทพและเทพธิดาของโรมัน ชาวโรมันรู้จักเธอในนามของเทพธิดาแห่ง อิสตรีและการแต่งงาน และในวันถัดมาคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก็จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของ Lupercalia การดำเนินชีวิตของเด็กหนุ่มและเด็กสาวในสมัยนั้นจะถูกแยกจากกันอย่างเด็ดขาด แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีประเพณี อย่างนึง ซึ่งเด็กหนุ่มสาวยังสืบทอดต่อกันมา คือ คืนก่อนวันเฉลิมฉลอง Lupercalia นั้นชื่อของเด็กสาวทุกคนจะถูกเขียนลงในเศษกระดาษเล็ก ๆ และจะใส่เอาไว้ในเหยือก เด็กหนุ่มแต่ละคนจะดึงชื่อของเด็กสาวออกจากเหยือก แล้วหลังจากนั้นก็จะจับคู่กันในงานเฉลิมฉลอง บางครั้งการจับคู่นี้ ท้ายที่สุดก็จะจบลงด้วยการที่เด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งสองนั้นได้ตกหลุมรักกันและแต่งงานกันในที่สุด
ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง (Claudius II) นั้น กรุงโรมได้เกิดสงครามหลาย ครั้ง และคลอดิอุสเองก็ประสบกับปัญหาในการที่จะหาทหารจำนวนมากมายมหาศาลมาเข้าร่วมในศึกสงคราม และเขาเชื่อว่าเหตุผลสำคัญก็คือ ผู้ชายโรมันหลายคนไม่ต้องการจากครอบครัวและคนอันเป็นที่รักไป และด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้จักรพรรดิคลอดิอุสประกาศให้ยกเลิกงานแต่งงานและงานหมั้นทั้งหมดในกรุงโรม ถึงกระนั้นก็ตาม ยังมีนักบุญผู้ใจดีคนหนึ่งซึ่งชื่อว่า ท่านนักบุญวาเลนไทน์ ท่านเป็นพระที่กรุงโรมในสมัยของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ท่านนักบุญวาเลนไทน์และนักบุญมาริอุส ได้จัดตั้งกลุ่มองค์กรเล็ก ๆ เพื่อช่วยเหลือชาวคริสเตียนที่ตกทุกข์ได้ยากเหล่านี้ และได้จัดให้มีการแต่งงานของคู่รักอย่างลับ ๆ ด้วย
และจากการกระทำเหล่านี้เอง ทำให้นักบุญวาเลนไทน์ถูกจับและถูกตัดสินประหารโดยการตัดศีรษะ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ประมาณปีคริสต์ศักราชที่ 270 ซึ่งถือเป็นวันที่ท่านได้ทนทุกข์ทรมานและเสียสละเพื่อเพื่อนมนุษย์

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ประวัติกล้วยไม้ไทย

ประวัติกล้วยไม้ไทย

กล้วยไม้เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ในวงศ์ Orchidaceae เป็นไม้ตัดดอกยอดนิยม เนื่องจากมีลักษณะดอกและสีสันลวดลายสวยงาม เป็นไม้ตัดดอกที่มีอายุการใช้งานได้นาน กล้วยไม้เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญของไทย เพราะเป็นไม้ส่งออกขายต่างประเทศทำรายได้เข้าประเทศปีละหลายร้อยล้านบาท มีการปลูกเลี้ยงอย่างครบวงจร ตั้งแต่การผสมเกสร เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เลี้ยงลูกกล้ายไม้ เลี้ยงต้นกล้ายไม้จนกระทั่งให้ดอก ตัดดอกบรรจุหีบห่อและส่งออกเอง แหล่งกำเนิดกล้วยไม้ป่าที่สำคัญของโลกมี 2 แหล่งใหญ่ๆ ด้วยกันคือ ลาตินอเมริกา กับเอเชียแปซิฟิค สำหรับในลาตินอเมริกาเป็นอาณาบริเวณอเมริกากลางติดต่อกับเขตเหนือของอเมริกาใต้ ส่วนแหล่งกำเนิดกล้วยไม้ป่าในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิค มีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง จากการค้นพบประเทศไทยมีพันธุ์กล้วยไม้ป่าเป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยต่อการเจริญงอกงามของกล้วยไม้มาก และกล้วยไม้ป่าที่ในพบในภูมิภาคแถบนี้มีลักษณะเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง แตกต่างจากกล้วยไม้ในภูมิภาคลาตินอเมริกา

( จาก www.geocities.com )

กลอนจีบหญิง


กลอนจีบหญิง

กลอนจีบหญิง
สุนทรภู่คู่กวีขี่smash
เเบงวงเคลชขี่mioโก้หนักหนา
เสกโซโข่nouvoไล่ตามมา
ส่วนตัวข้าปั่นรถถีบมาจีบเธอ
(จาก www.siamha.com )
การจีบหญิงแท้จริงนั้นแสนง่าย
แค่แต่งกายไปเดินที่สยาม
เห็นคนสวยรีบเดินไปสะกดรอยตาม
แล้วรีบถามเบอโทรโอ้!ง่ายจัง
(จาก www.zheza.com)

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

อ่านเล่นๆ มุกขำๆ

มุกขำๆอ่านกันเล่นๆ แก้เหงา...
อ่านเล่นๆ

1.เธอไม่ต้องใช้กบเหลาดินสอหรอกนะ.............เพราะคำพูดและหน้าตาของเธอแหลม พอที่จะแทงใจฉันให้อ่อนได้

2.อยากมีพาวเวอร์พอยต์ ............จะได้พรีเซ้นความรักของฉันที่มีต่อเธอได้

3.ตายแล้ว!!! เธอรู้ไหม? เธอทำให้ขยะล้นโลกนะ...............เพราะหัวใจใช้แล้ว ของฉันที่เธอไม่ต้องการมันแล้วไม่สามารถรีไซเคิลได้

4.เธอไม่ต้องแปลกใจหรอกนะที่หาชื่อตัวเองในพจนานุกรมไม่เจอ...........เพราะมันอยู่ในใจฉัน

5.ว่ากันว่าถอดสแควรูดน่ะมันถอดยากนะ........แต่ฉันว่าถอดเธอออกจากใจฉันมันยากยิ่งกว่าเสียอีก

6.เฮ้อ...เรามีแต่พาสเวิร์ดเข้าสู่อินเตอร์เน็ต......แต่ไม่มีเมซเซสเข้าสู่หัวใจเธอเลย

7.พรมแดนที่มนุษย์สร้างขึ้น ไม่ว่าจะพรมแดนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ก็ไม่มีพรมแดนไหนมาคั่นหัวใจเรา
สองให้ห่างไกลกันได้หรอก

8.ยังตัดสินใจไม่ได้ใช่ไหม เอางี้ โยนหัวก้อยกัน ถ้าออกหัว เธอมาเป็นแฟนฉัน ถ้าออกก้อย ฉันจะยอมเป็นแฟนเธอ

9.อยากเอาชีวิตฉันหรอ?.......ยิงเลยสิ....ยิงมาที่กลางหัวใจเลย...แต่เธอจะเจ็บหน่อยนะ เพราะในนั้นน่ะ...............มีเธออยู่

10.ขอยืมลายมือสวยๆหน่อยได้ไหม....จะเอาจดทะเบียนสมรส

( จาก www.yimsiam.com )

ดอกมะลิ

ชื่อ :..
มะลิ มะลิลา มะลิหลวง มะลิซ้อน

ชื่อวิทยาศาสตร์ และชื่อพฤกษศาสตร์ :..
Jusminum adenophyllum.

วงศ์ :..
OLEACEAE

ชื่อสามัญ :..
-

ถิ่นกำเนิด :..
-

ลักษณะทั่วไป :..
เป็นพรรณไม้พุ่มยืนต้นขนาดกลาง แตกกิ่งก้านสาขาออกรอบๆ ลำต้นสูงประมาณ 5 ฟุต ใบเป็นใบเดี่ยวแตกออกเป็นคู่ ไปตามก้านต้นลักษณะใบป้อมมน ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบไม่มีจัก ผิวใบเรียบสีเขียวเข้มเป็นมัน ใบยาว 2-3 นิ้ว มีดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกเป็นช่อตามปลายยอดหรือปลายกิ่งประมาณ 3-5 ดอก แล้วแต่ชนิดพันธุ์ ดอกมีสีขาวกลิ่นหอม มีทั้งดอกลาและดอกซ้อน ออกดอกตลอดปี
การขยายพันธุ์ :..
เป็นไม้ที่ชอบแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง ต้องการน้ำปานกลาง ปลูกในดินร่วนซุย ขยายพันธุ์โดยการปักชำ หรือตอนกิ่ง
สรรพคุณทางยา :..
มะลินอกจากจะมีกลิ่นหอมไว้ดมแล้ว มะลิดอกแห้งใช้ปรุงเครื่องยาหอมใช้บำรุงหัวใจได้เป็นอย่างดี


( จาก http://blog.eduzones.com )

วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ประวัติวันพ่อ

ความเป็นมา
วันพ่อแห่งชาติ ได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2523 โดยคุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษาเป็นผู้ริเริ่ม หลักการและเหตุผลที่มีการจัดตั้งวันพ่อ เนื่องจากพ่อ เป็นบุคคลผู้มีพระคุณและมีบทบาทสำคัญต่อครอบครัวและสังคม สมควรที่ผู้เป็นลูกจะเคารพเทิดทูนและตอบ แทนพระคุณด้วยความกตัญญู และสังคมควรที่จะยกย่องให้เกียรติรำลึกถึงผู้เป็นพ่อ จึงถือเอาวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาเป็น "วันพ่อแห่งชาติ" ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างนานัปการ อีกทั้งยังทรงเป็นพระราชบิดาของพระราชโอรสและ พระราชธิดาที่ทรงรักใคร่ห่วงใย ตั้งแต่พระเยาว์จนถึงปัจจุบัน และพระเจ้าหลานเธอทุก ๆ พระองค์ต่างซาบซึ้ง ในพระมหากรุณาธิคุณอย่างมิรู้ลืม พระองค์ทรงเป็น "พ่อ" ตัวอย่างของปวงชนชาวไทยที่เปี่ยมล้นด้วยพระ เมตตากรุณา ทรงห่วงใยอย่างหาที่เปรียบมิได้
พระราชประวัติ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นพระโอรสองค์เล็กในสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเสด็จพระราชสมภพ ณ โรงพยาบาลเมานท์ ออร์เบินณ์ เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสสาชูเซสท์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2475 พระองค์ทรงมีพระเชษฐาธิราช (พี่ชาย) และพระเชษฐภคินี (พี่สาว) 2 พระองค์คือ 1. สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ 2. พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8)
( จาก www.mthai.com )

วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

กลอนความรัก

ฉันรักใครไม่ง่ายนัก แต่ก็รักเธอได้ไม่ยาก พูดออกไปใจตรงกับปาก รักเธอมากกว่าใครๆ
..........................................................
รักกันง่ายๆ สบายดีออก ไม่จำเป็นต้องบอกว่ารักก็ได้ ขอแค่รู้สึกลึกๆ ข้างใน ขอแค่จริงใจมีให้ก็พอ
..........................................................
ยิ่งรู้จักยิ่งรักมาก และยิ่งอยากอยู่ชิดใกล้ยิ่งพูดคุยยิ่งถูกใจ ใช่แล้วเธอคนในฝัน
..........................................................
แค่เห็นเธอก็ใจสั่น แค่จ้องกันใจก็หวิว แค่สบตาก็เหมือนเป็นตะคริว แค่นี้ก็รู้แล้วว่าชอบเธอ

www. tlcthai .com

วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

สุขภาพ

พูดถึง พริก ทุกคนจะนึกถึงความเผ็ด หลายคนชอบกินอาหารรสเผ็ด แต่หลายคนไม่ชอบ ผู้อ่านรู้หรือไม่ว่านอกจากความเผ็ดแล้ว พริก มีประโยชน์อย่างไร เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กล่าวว่า พริก มีถิ่นกำเนิดมาจากทวีปอเมริกาใต้ ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย โดยชาวโปรตุเกส สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น หรือ ในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ความเผ็ดของพริกมาจากสารชื่อ “แคป ไซซิน” พริกยังมีสารสำคัญอีกหลายชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินเอ ธาตุเหล็ก และแคลเซียม คนที่กินพริกนาน ๆ จะทำให้ติดเผ็ด จากงานวิจัยที่ผ่านมาพบว่า คนไทยกินพริกมากที่สุดเฉลี่ย 5 กรัมต่อวัน หรือ ประมาณ 1 ช้อนชา ประโยชน์ของพริกมีหลายอย่าง เช่น ช่วยเพิ่มสารแห่ง ความสุข คือ “เอ็นโดร ฟิน” บรรเทาอาการ เจ็บปวด บรรเทา อาการไข้หวัด ลดน้ำมูก ลดปริมาณ คอเรสเตอรอล


จากงานวิจัยของญี่ปุ่นพบว่า พริกช่วยเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายและช่วยในการเผาผลาญ มีประโยชน์เรื่องการควบคุมน้ำหนัก ขณะเดียวกันยังช่วยละลายเสมหะที่เหนียวข้นให้จางลง ช่วยให้ขับเสมหะออกมาได้ง่าย สำหรับผู้ป่วยหอบหืด พริกจะช่วยทำให้หลอดลมขยายตัวได้ดี ไม่หดเกร็ง ดังนั้นคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ หรือหอบหืดกินพริกจะดีการกินพริก ยังช่วยลดปริมาณสารที่ทำให้แก่ คือ อินซูลิน มีรายงานว่า 30 นาทีหลังกินพริก อินซูลินจะไม่ขึ้นเลย พออินซูลินไม่ขึ้น ก็จะไม่ทำให้รู้สึกอยากหวาน นอกจากนี้วิตามินซีในพริก ยังช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยง ในการเกิดโรคมะเร็ง จากผลการวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พบว่า พริกยังช่วยในการสลายลิ่มเลือดด้วย นอกจากการบริโภคแล้ว พริกยังถูกนำมาทำเป็นเจล ใช้ทารักษาผิวหนังอักเสบ แก้ปวดข้อ ปวดเมื่อยตามตัว เข่าอักเสบ เริม หรืองูสวัด ส่วนที่หลายคนมีความเชื่อว่าการกินพริกมาก ๆ หรือ รับประทานอาหารรสเผ็ดจัด จะทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารนั้น นพ.กฤษดา บอกว่า สารในพริกมีฤทธิ์เป็นกรดก็จริง แต่พริก ไม่ได้ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร น่าจะมาจากการกินอาหารมัน ๆ มากกว่า เช่น ข้าวขาหมู กว่าจะย่อยต้องใช้เวลา 2-3 ชม. ทำให้เกิดกรดในกระเพาะอาหาร แต่การกินอาหารเผ็ดจัด อาจทำให้เกิดอาการ เหมือนคนเป็นโรคกระเพาะอาหาร เพราะสารในพริกซึ่งเป็นกรด จะไปทำให้หลอดอาหารหดเกร็ง ทำให้รู้สึกจุกแน่นลิ้นปี่กรณีที่กินอาหารเผ็ดมาก ๆ


วิธีแก้ คือ ต้องกินอาหารที่มัน ๆ เพราะ “สารแคปไซซิน” จะละลายได้ดีในไขมัน แต่ละลายในน้ำได้เพียงเล็กน้อย การดื่มน้ำเย็นจะไม่ช่วยทำให้หายเผ็ด ถ้าจะแก้เผ็ดต้องดื่มนม หรือ ไอศกรีม ทั้งนี้ ถือเป็นภูมิปัญญาของคนไทยที่ใช้ความมันจากกะทิมาดับเผ็ด เห็นได้จากการทำแกงเขียวหวาน หรือแกงต่าง ๆ ที่ใส่กะทิข้อควรระวัง คือ ในคนที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอยู่แล้ว ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาหารรสเผ็ดจัด จะยิ่งทำให้กรดไปกัดแผลในกระเพาะอาหาร ส่วนเด็กและคนแก่ ที่สำลักง่าย ก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน เพราะถ้าสำลักเข้าหลอดลม กรดอาจจะไปกัดหลอดลม ทำให้เกิดปัญหาหลอดลมหดเกร็ง ตีบ บวม หายใจไม่ออกได้ สรุปว่า การกินอาหารเผ็ด ๆ มีแต่ข้อดี แทบจะไม่มีข้อเสีย แต่ก็ควรระวังพริกป่น พริกซอง ที่อาจมีสารอะฟลาทอกซิน เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งตับ.

[บันทึกประจำวัน

โอ๊ะ..โอ วันนี้หันไปมองปฏิทินที่ตั้งอยู่ข้างโต๊ะ นี่มันไตรมาสสุดท้ายของปีแล้วหรือนี่ หน้าหนาวฃ



กำลังจะมาเยือน พร้อมๆ กับเทศกาลแห่งความสุขอีกมากมายในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปีนี้ และที่ขาดไม่


ได้คือ กิจกรรม Sale กระหน่ำ ที่กำลังทยอยๆ กันมาดูดทรัพย์ในกระเป๋าสาวนักช้อป และหนุ่มนักซื้อทั้งหลาย



ไหนๆ ก็พูดเรื่องช้อปปิ้งกันแล้ว คิดว่าคงเป็นกิจกรรมสุดโปรดของหลายคน (รวมเราด้วย ..อิอิ) ยิ่ง



สาวๆ บางคน การช้อปปิ้ง ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ โอ้แม่เจ้า ...เวลาได้ของถูกใจนี่สุขสุดๆ